รายการตรวจเครน ตรวจอะไรบ้าง ให้เครนพร้อมใช้งานอย่างปลอดภัย

การตรวจเครนเป็นขั้นตอน ช่วยประกันความปลอดภัยในการใช้งานเครน ทั้งในด้านการยกของหนักและการเคลื่อนที่ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เครน เป็นอุปกรณ์ที่มีความซับซ้อน ทั้งในด้านโครงสร้างและระบบการทำงาน ดังนั้น การตรวจสอบและบำรุงรักษาเครนเป็นประจำจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้เครนสามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด เราจึงได้รวมรายการตรวจ เมื่อต้องทำการตรวจเครนต้อตรวจอะไรบ้าง

ตรวจสอบเครน ต้องตรวจอะไรบ้าง

ในตรวจสอบเครน เราก็จเเบ่งการตรวจออกเป็น ปจ.1 และ ปจ.2 ตอนที่ได้รับใบรายงานจะแตกต่างกันไปตามประเภทเครน ในการเลือกใช้บริการตรวจสอบเครน รายการของผู้ให้บริการตรวจสอบเครน ต้องมีรายการตรวจหลักๆ 6 รายการดังนี้

1. ตรวจสอบสภาพโครงสร้างปั้นจั่น

โครงสร้างของเครน คือส่วนสำคัญที่สุด เนื่องจากเป็นส่วนที่รองรับน้ำหนักในการยกทุกครั้ง หากโครงสร้างเกิดการเสียหายหรือเสื่อมสภาพอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้ ดังนั้น การตรวจสอบสภาพโครงสร้างปั้นจั่นหรือเครนจึงต้องทำอย่างละเอียดถี่ถ้วน โดยต้องตรวจสอบในส่วนต่าง ๆ เช่น:

• การตรวจสอบโครงสร้างหลักของเครน: โครงสร้างหลักของเครนประกอบด้วยชิ้นส่วนเหล็กขนาดใหญ่ที่มีหน้าที่รับน้ำหนัก เมื่อใช้ไปเป็นระยะเวลานานโครงสร้างอาจเกิดการบิดเบี้ยวหรือเสื่อมสภาพ ซึ่งอาจนำไปสู่การแตกหักหรือเกิดอุบัติเหตุได้ การตรวจสอบโครงสร้างควรตรวจหาสัญญาณที่แสดงถึงการเปลี่ยนรูป การบิดเบี้ยว หรือการแตกร้าว หากพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือเสียหายต้องซ่อมแซมทันที
• การตรวจสอบรอยเชื่อม: รอยเชื่อมเป็นจุดที่เชื่อมต่อระหว่างชิ้นส่วนเหล็กต่าง ๆ ของเครน การตรวจสอบรอยเชื่อมควรทำอย่างละเอียดเพื่อดูว่ามีรอยแตก รอยร้าว หรือรอยแยกออกจากกันหรือไม่ หากพบว่ามีการแตกหักหรือชำรุดต้องทำการซ่อมแซมทันที เนื่องจากรอยเชื่อมที่ชำรุดอาจทำให้โครงสร้างของเครนไม่แข็งแรงพอที่จะรองรับน้ำหนักได้อย่างปลอดภัย
• การตรวจสอบสภาพนอตและการคลายตัว: นอตเป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญในการยึดโครงสร้างต่าง ๆ ของเครนเข้าด้วยกัน การคลายตัวของนอตเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการเสื่อมสภาพของเครน นอตที่หลวมอาจทำให้เครนไม่มั่นคงและเกิดอันตรายได้ ดังนั้นการตรวจสอบความแน่นของนอตเป็นประจำถือเป็นสิ่งสำคัญ

2. ตรวจสอบรอก สลิง และโซ่

เครนใช้รอก สลิง และโซ่ในการยกของ การตรวจสอบอุปกรณ์เหล่านี้เป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากการขาดหรือเสื่อมสภาพของอุปกรณ์ โดยสิ่งที่ควรตรวจสอบมีดังนี้:

• การตรวจสอบม้วนรอก: รอกเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยในการยกของให้เคลื่อนที่ได้สะดวก การตรวจสอบรอกควรเช็คว่าม้วนรอกไม่มีการแตกหักหรือเสื่อมสภาพที่อาจทำให้รอกไม่สามารถทำงานได้อย่างปลอดภัย
• การตรวจสอบสลิงเครน: สลิงเครนเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการยกของ การตรวจสอบเส้นผ่านศูนย์กลางของสลิงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อตรวจสอบว่ามีการลดลงของขนาดสลิงที่อาจเกิดจากการสึกหรอหรือไม่ รวมถึงตรวจหาสัญญาณการขาด การบิดเบี้ยว หรือการฉีกขาดของสลิง หากพบปัญหาต้องเปลี่ยนใหม่ทันที
• การตรวจสอบโซ่: โซ่เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ใช้ในการยกของ การตรวจสอบควรเช็คว่ามีรอยขาดหรือการสึกหรอที่อาจทำให้โซ่ขาดได้หรือไม่

3. ตรวจสอบระบบต้นกำลังเครน

ระบบต้นกำลังของเครนเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กับโครงสร้างเครน เพราะเป็นส่วนที่ทำให้เครนสามารถทำงานได้ ระบบต้นกำลังของเครนประกอบด้วยระบบหล่อลื่น ระบบเชื้อเพลิง ระบบระบายความร้อน และมอเตอร์ โดยการตรวจสอบระบบต้นกำลังควรทำในส่วนต่าง ๆ ดังนี้:

• การตรวจสอบระบบหล่อลื่น: ระบบหล่อลื่นเป็นส่วนที่ช่วยลดการเสียดสีและป้องกันการสึกหรอของชิ้นส่วนต่าง ๆ ภายในเครน เช่น เกียร์และรอก การตรวจสอบควรเริ่มจากการเช็คระดับน้ำมันหล่อลื่นว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมหรือไม่ หากพบว่าน้ำมันหล่อลื่นมีปริมาณต่ำควรเติมให้เพียงพอ รวมถึงตรวจสอบความสะอาดของน้ำมัน หากน้ำมันมีสภาพสกปรกหรือเสื่อมสภาพควรเปลี่ยนใหม่เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในการใช้งาน
• การตรวจสอบระบบเชื้อเพลิง: เครนบางรุ่นใช้เชื้อเพลิงในการทำงาน ดังนั้นการตรวจสอบระบบเชื้อเพลิงจึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยควรตรวจสอบว่ามีการรั่วไหลของเชื้อเพลิงหรือไม่ รวมถึงตรวจสอบว่าระบบเชื้อเพลิงไม่มีการอุดตันหรือมีสิ่งสกปรกที่อาจทำให้ระบบทำงานผิดพลาด
• การตรวจสอบระบบระบายความร้อน: ระบบระบายความร้อนเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยรักษาอุณหภูมิของเครื่องยนต์ให้คงที่ การตรวจสอบว่าระบบระบายความร้อนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญ หากระบบนี้เกิดความผิดปกติอาจทำให้เครื่องยนต์ของเครนร้อนเกินไปและเสียหายได้
• การตรวจสอบมอเตอร์และระบบควบคุมไฟฟ้า: มอเตอร์เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเครน การตรวจสอบมอเตอร์ควรทำการเช็คว่ามอเตอร์ทำงานได้ตามปกติ และไม่มีสัญญาณของการสึกหรอหรือเสียหาย ส่วนระบบควบคุมไฟฟ้าก็เป็นอีกส่วนที่ต้องตรวจสอบเพื่อให้มั่นใจว่าเครนสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องและปลอดภัย

4. ตรวจสอบระบบเคลื่อนที่และการยก

ระบบเคลื่อนที่และการยกเป็นส่วนที่ต้องการการตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อให้แน่ใจว่าเครนสามารถเคลื่อนที่และยกของได้อย่างปลอดภัย โดยรายการตรวจสอบหลักประกอบด้วย:

• ชุด Limit Switches: Limit Switches เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันการยกของเกินพิกัด โดยจะตัดการทำงานของเครนเมื่อยกของถึงขีดจำกัด การตรวจสอบชุดนี้ต้องทำเพื่อให้แน่ใจว่า Limit Switches ทำงานได้ตามปกติ และไม่มีสัญญาณของความเสียหายหรือการเสื่อมสภาพ
• การตรวจสอบระบบควบคุมพิกัดการยก: ระบบควบคุมพิกัดการยกเป็นระบบที่ใช้ในการควบคุมให้เครนยกของไม่เกินพิกัดที่กำหนดไว้ การตรวจสอบควรทำเพื่อให้มั่นใจว่าระบบนี้ทำงานได้อย่างแม่นยำ

5. ตรวจสอบระบบสัญญาณเสียงและแสง

ระบบสัญญาณเสียงและแสงเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ใช้งานทราบถึงสถานะการทำงานของเครน และเตือนเมื่อมีเหตุการณ์ไม่ปกติ การตรวจสอบควรทำในส่วนต่าง ๆ ดังนี้:

• การตรวจสอบไฟเตือน: ไฟเตือนเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยบ่งบอกสถานะการทำงานของเครน รวมถึงเตือนเมื่อเครนทำงานเกินพิกัดหรือมีปัญหา การตรวจสอบควรเช็คความสว่างของไฟเตือนว่าเพียงพอและมองเห็นได้ชัดเจน
• การตรวจสอบเสียงเตือน: เสียงเตือนมีหน้าที่แจ้งเตือนผู้ใช้งานเมื่อเครนมีปัญหาหรือยกของเกินพิกัด การตรวจสอบควรทำเพื่อให้มั่นใจว่าเสียงเตือนสามารถทำงานได้อย่างชัดเจน

• การตรวจสอบระบบเสียงเตือน: เสียงเตือนเป็นส่วนหนึ่งของระบบเตือนภัยที่ช่วยให้ผู้ควบคุมและบุคคลใกล้เคียงทราบถึงสถานการณ์ที่อาจเกิดความเสี่ยงได้ เช่น เมื่อเครนกำลังทำงานเกินพิกัดหรือระบบการยกทำงานผิดปกติ เสียงเตือนต้องชัดเจนและดังพอที่ทุกคนในพื้นที่ทำงานจะได้ยิน หากระบบเสียงเตือนมีความผิดปกติ เช่น เสียงเบาหรือไม่มีเสียง ควรทำการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุจากการไม่รับรู้สถานการณ์ฉุกเฉิน

6. ทดสอบพิกัดการยก (Load Test)

การทดสอบพิกัดการยกหรือ Load Test เป็นขั้นตอนสำคัญในการตรวจสอบว่าเครนสามารถยกของหนักได้ตามที่ระบุในพิกัดการยกที่ปลอดภัยหรือไม่ ขั้นตอนนี้ไม่เพียงแต่ช่วยตรวจสอบความสามารถในการยกของเครน แต่ยังช่วยทดสอบระบบความปลอดภัยในการทำงานของเครน เช่น ระบบเบรก ระบบควบคุม และระบบป้องกันต่าง ๆ

• การใช้ Load Test เพื่อทดสอบความสามารถของเครน: การทดสอบนี้มักจะใช้น้ำหนักจริงเป็นตัวทดสอบ โดยจะยกน้ำหนักที่เท่ากับหรือใกล้เคียงกับพิกัดการยกสูงสุดของเครน หากเครนสามารถยกน้ำหนักนี้ได้อย่างปลอดภัยและราบรื่นแสดงว่าเครนสามารถใช้งานได้ตามปกติ
• การตรวจสอบระบบเบรกและระบบควบคุม: ระบบเบรกของเครนมีบทบาทสำคัญในการหยุดการเคลื่อนที่ของเครนในทันทีเมื่อมีการยกของ ดังนั้นในการทำ Load Test จะต้องตรวจสอบว่าระบบเบรกทำงานได้อย่างถูกต้อง ไม่มีการลื่นไถลหรือเสียหาย นอกจากนี้ยังควรตรวจสอบว่าระบบควบคุมเครนสามารถตอบสนองต่อคำสั่งได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ

จัดแผนบำรุงรักษา เครนเป็นระยะ

นอกเหนือจากการตรวจสอบสภาพเครนตามที่กล่าวมาแล้ว การบำรุงรักษาเครนเป็นระยะเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เครนทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีอายุการใช้งานยาวนาน โดยการบำรุงรักษาควรทำตามกำหนดเวลาและตามคู่มือที่ผู้ผลิตกำหนดไว้ เช่น:

• เปลี่ยนชิ้นส่วนที่เสื่อมสภาพ: ชิ้นส่วนของเครนที่ผ่านการใช้งานมาเป็นระยะเวลานานจะเกิดการสึกหรอ ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ หากพบว่าชิ้นส่วนใดเสื่อมสภาพหรือเริ่มชำรุด ควรทำการเปลี่ยนใหม่ทันที
• หล่อลื่นและการทำความสะอาด: การหล่อลื่นชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวบ่อย ๆ เป็นสิ่งที่ช่วยลดการสึกหรอของชิ้นส่วน และการทำความสะอาดระบบภายในและภายนอกของเครนช่วยให้เครนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• ตรวจสอบระบบหล่อลื่น: การหล่อลื่นเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญในการบำรุงรักษาเครนเพื่อให้การเคลื่อนไหวของชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นไปอย่างราบรื่น ลดการเสียดสีและการสึกหรอของชิ้นส่วนต่าง ๆ เช่น เกียร์ เพลาหมุน หรือชิ้นส่วนที่เคลื่อนที่บ่อย การตรวจสอบระบบหล่อลื่นควรตรวจเช็คปริมาณและคุณภาพของน้ำมันหล่อลื่นที่ใช้ หากพบว่าน้ำมันหล่อลื่นลดลงหรือสกปรก ควรทำการเปลี่ยนหรือเติมใหม่ เพื่อรักษาสมรรถนะการทำงานของเครนและยืดอายุการใช้งานชิ้นส่วนต่าง ๆ
• เปลี่ยนฟิลเตอร์และทำความสะอาดระบบไฮดรอลิก: เครนบางประเภทมีการใช้งานระบบไฮดรอลิกเพื่อควบคุมการยกของ การตรวจสอบระบบไฮดรอลิกควรรวมถึงการตรวจเช็คการรั่วซึมของน้ำมันไฮดรอลิก และการเปลี่ยนฟิลเตอร์ที่อาจอุดตันจากการใช้งาน หากระบบไฮดรอลิกทำงานผิดปกติ อาจทำให้เกิดการสูญเสียแรงดันและประสิทธิภาพในการยกของเครนลดลง ดังนั้นควรมีการตรวจสอบและทำความสะอาดระบบเป็นประจำ

ความสำคัญของการตรวจสอบและบำรุงรักษาเครนอย่างสม่ำเสมอ

การตรวจสอบและบำรุงรักษาเครนอย่างสม่ำเสมอมีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากเครนเป็นอุปกรณ์ที่มีการใช้งานเพื่อยกของหนัก หากมีความผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานของเครนที่ไม่สมบูรณ์ หรืออุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการยกของที่มีน้ำหนักเกินกำหนด

• การป้องกันอุบัติเหตุจากการตรวจสอบที่ไม่เพียงพอ: หากไม่มีการตรวจสอบสภาพเครนและระบบต่าง ๆ ของเครนอย่างสม่ำเสมอ อาจเกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรง เช่น การยกของที่เกิดการหลุดหรือหักระหว่างการยก การลื่นไถลของสลิงหรือการเบรกที่ไม่ทำงาน นอกจากนี้ การตรวจสอบที่ไม่ละเอียดเพียงพอยังสามารถทำให้เกิดความเสียหายกับทรัพย์สินหรือผู้คนที่ทำงานในพื้นที่
• การเพิ่มอายุการใช้งานของเครน: การบำรุงรักษาและการตรวจสอบสภาพเครนเป็นประจำช่วยยืดอายุการใช้งานของเครนให้นานขึ้น การตรวจสอบและซ่อมบำรุงชิ้นส่วนที่สึกหรอหรือมีความเสี่ยงในการชำรุดจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมใหญ่และการเปลี่ยนเครนใหม่ก่อนเวลาอันควร

สรุป

การตรวจสอบเครนเป็นกระบวนการที่จำเป็น ต่อความปลอดภัยในการทำงานของเครนและผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ การตรวจสอบเครนไม่เพียงแต่ช่วยให้เครนสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการยกของหนัก การตรวจสอบเครนควรดำเนินการอย่างเป็นระบบและเป็นระยะ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกส่วนของเครนยังคงทำงานได้ตามมาตรฐานและไม่มีความเสียหายที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยง

สุดท้าย ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบเครน หรือบำรุงรักษาเครน ต้องมีการตรวจสอบประจำปีจากผู้ตรวจสอบที่มีคุณสมบัติถูกต้อง ตามกฎหมาย เนื่องจากเป็นข้อกำหนดตามกฎหมายเพื่อความปลอดภัยในการทำงาน เราขอแนะนำบริษัทรับตรวจเครน บำรุงรักษาเครน ทุกชนิด แบบครบวงจร ดำเนินโดยทีมวิศวกรเครื่องกล ที่พร้อมให้บริการคุณทุกพื้นที่ในประเทศไทย ใช้บริการวันนี้ลดทันที 40%

รายละเอียด : ตรวจเครน.com

ติดต่อ : [email protected]